พลังดิจิทัลขับเคลื่อนอนาคตพลังงานเอเชีย
เอเชียคือศูนย์กลางของสมการพลังงานโลก ด้วยความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นถึงครึ่งหนึ่งของโลกภายในปี 2030 เส้นทางสู่ Net Zero จึงต้องผ่านเอเชีย แต่เส้นทางนี้ซับซ้อน ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจ เมืองที่ขยายตัว และความต้องการพลังงานที่พุ่งสูง
คำถามคือ เราจะขยายพลังงานสะอาดและลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างไร โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง?
คำตอบอยู่ที่ การเปลี่ยนผ่านดิจิทัล ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล แต่คือการออกแบบระบบพลังงานใหม่ทั้งหมด
1. พลิกบทบาทผู้ใช้สู่ผู้มีส่วนร่วม
สมาร์ทมิเตอร์ แอปแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ และระบบซื้อขายพลังงานแบบ P2P ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้พลังงานของตนเอง ผลิต และขายพลังงานสะอาดได้
ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้บริโภคลดการใช้ไฟฟ้าลงได้มากถึง 18% จากการเปลี่ยนพฤติกรรมที่มาจาก ข้อมูล
2. เชื่อมต่อพลังงานสะอาดอย่างชาญฉลาด
พลังงานลมและแสงอาทิตย์ผลิตไฟได้ไม่สม่ำเสมอ เครื่องมือดิจิทัลจึงจำเป็น เช่น:
เมื่อระบบมีความชาญฉลาด ความเสี่ยงทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้น
มาตรการป้องกัน เช่น:
4. เสริมสร้างห่วงโซ่มูลค่าภายในประเทศ
การระบาดของโควิดเผยให้เห็นจุดอ่อนของซัพพลายเชนที่พึ่งพาการนำเข้า เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยติดตามการจัดซื้ออย่างโปร่งใส สร้างโรงงานท้องถิ่น และส่งเสริมนวัตกรรมในประเทศ
5. การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม
โครงการ JETP ในเวียดนามและอินโดนีเซียชูแนวคิด เปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม โดย:
มุมมองจาก ExpresSo NB
ExpresSo NB เชื่อว่าเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังในการเชื่อมโยงผู้คน เสริมสร้างความยั่งยืน และขับเคลื่อนอนาคตที่เท่าเทียม
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี
แต่มันคือเรื่องของ คน
แล้วคุณล่ะ คิดว่าเทคโนโลยีแบบไหนจะเปลี่ยนอนาคตพลังงานของเอเชีย?
อ้างอิง : https://www.ictworks.org
คำถามคือ เราจะขยายพลังงานสะอาดและลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างไร โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง?
คำตอบอยู่ที่ การเปลี่ยนผ่านดิจิทัล ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล แต่คือการออกแบบระบบพลังงานใหม่ทั้งหมด
1. พลิกบทบาทผู้ใช้สู่ผู้มีส่วนร่วม
สมาร์ทมิเตอร์ แอปแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ และระบบซื้อขายพลังงานแบบ P2P ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้พลังงานของตนเอง ผลิต และขายพลังงานสะอาดได้
ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้บริโภคลดการใช้ไฟฟ้าลงได้มากถึง 18% จากการเปลี่ยนพฤติกรรมที่มาจาก ข้อมูล
2. เชื่อมต่อพลังงานสะอาดอย่างชาญฉลาด
พลังงานลมและแสงอาทิตย์ผลิตไฟได้ไม่สม่ำเสมอ เครื่องมือดิจิทัลจึงจำเป็น เช่น:
- Digital Twin จำลองประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าในสถานการณ์ต่าง ๆ
- Predictive Maintenance ช่วยลดเวลาหยุดซ่อมบำรุง
- Smart Inverter ควบคุมแรงดันและความถี่ให้ระบบเสถียร
เมื่อระบบมีความชาญฉลาด ความเสี่ยงทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้น
มาตรการป้องกัน เช่น:
- ตรวจจับความผิดปกติด้วย AI
- ระบบสำรองข้อมูล
- ออกแบบระบบให้ปลอดภัยตั้งแต่ต้น
- เครือข่ายแชร์ข้อมูลระหว่างองค์กร
4. เสริมสร้างห่วงโซ่มูลค่าภายในประเทศ
การระบาดของโควิดเผยให้เห็นจุดอ่อนของซัพพลายเชนที่พึ่งพาการนำเข้า เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยติดตามการจัดซื้ออย่างโปร่งใส สร้างโรงงานท้องถิ่น และส่งเสริมนวัตกรรมในประเทศ
5. การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม
โครงการ JETP ในเวียดนามและอินโดนีเซียชูแนวคิด เปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม โดย:
- สนับสนุนโครงข่ายอัจฉริยะในพื้นที่ห่างไกล
- พัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนเหมืองถ่านหินเดิม
- คุ้มครองแรงงานที่ได้รับผลกระทบ
- เปิดทางให้เอกชนร่วมลงทุนในอนาคตพลังงานสะอาด
มุมมองจาก ExpresSo NB
ExpresSo NB เชื่อว่าเทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังในการเชื่อมโยงผู้คน เสริมสร้างความยั่งยืน และขับเคลื่อนอนาคตที่เท่าเทียม
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี
แต่มันคือเรื่องของ คน
แล้วคุณล่ะ คิดว่าเทคโนโลยีแบบไหนจะเปลี่ยนอนาคตพลังงานของเอเชีย?
อ้างอิง : https://www.ictworks.org
บทความที่เกี่ยวข้อง
แม้อาเซียนปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 5.73% แต่ได้รับผลกระทบหนักจากสภาพอากาศ การปรับตัวจึงเป็นกุญแจสู่ความมั่นคงทางอาหาร
เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นกุญแจสำคัญในการลด CO₂ และต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ค้นพบ 4 สาขาการลงทุนสำคัญ—เกษตร พลังงาน เมือง และน้ำ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ