4 สายอาชีพที่อาจถูก AI แย่งงานในอนาคต
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์จากเว็บไซต์ zippia เว็บไซต์ด้านการจัดหางานของสหรัฐอเมริกา เผยว่ากว่าหนึ่งในสี่ของอเมริกันชน หรือคิดเป็นประชากรกว่า 45 ล้านคนอาจถูก AI แย่งงานภายในเวลา 10 ปี เท่านั้น
ในอดีตงานที่ AI สามารถทำแทนมนุษย์ได้อาจเป็นเพียงแค่งานรูปแบบง่ายๆ ที่ไม่ได้ใช้ทักษะหรือความสามารถอะไรมาก เช่น งานคนวัตถุดิบภายในหม้อหรืองานพิมพ์เอกสารจากลายมือ แต่ในปัจจุบันนี้ AI มีการพัฒนาขึ้นไปอีกระดับจนมีความสามารถที่สูงขึ้นมาก ยกตัวอย่างความสามารถของ AI เช่น
- วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อหาค่าสถิติและความเชื่อมโยง
- แปลภาษา
- ตอบโต้กับมนุษย์ด้วยเสียง
- วาดรูป
- เล่นเกม
- แยกแยะใบหน้าและรูปแบบของวัตถุ
รวมไปถึงความสามารถอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้มนุษย์ทุกคนต้องรีบ relearn & reskill กันใหม่เพื่อรักษาตำแหน่งงานเอาไว้ แต่ในเมื่อ AI มีความสามารถรอบด้านขนาดนี้ คุณจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสายอาชีพที่อาจถูก AI แย่งงานในอนาคตหรือไม่? นี่คือ 4 สายอาชีพที่มีแนวโน้มถูก AI แย่งงานในอนาคต!
#PTT #ExpresSo #ExpressSolution #AI
สายวิชาชีพบัญชี
สายวิชาชีพบัญชีเป็นอาชีพที่ต้องอยู่กับข้อมูลทางการเงินจำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องมีความแม่นยำในการทำงานสูง ซึ่งตำแหน่งงานในสายอาชีพนี้ก็ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักบัญชี ครูผู้สอน ผู้สอบบัญชีจนไปถึงนักวางระบบสารสนเทศทางการบัญชีต่างๆ
แต่การเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆ มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบันทึกบัญชีด้วยมือแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นระบบมากขึ้นในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น
- การเชื่อมโยงรายการขายจากแคทเชียร์กับการบันทึกบัญชีอัตโนมัติ
- การตรวจสอบการใช้สิทธิ์เข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับทางธุรกิจ
- การออกรายงานทางการเงิน
แม้ตำแหน่งงานที่ต้องทำงานรูปแบบซ้ำๆ เช่น การบันทึกข้อมูลจากรายวัน จะเป็นตำแหน่งที่น่าหวั่นใจมากที่สุด แต่สำหรับผู้ที่หมั่นพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ย่อมมีโอกาสที่จะขยับขยายไปทำงานในตำแหน่งที่ดีขึ้นแน่นอน
สายงานบริการลูกค้า
งานบริการลูกค้าเป็นหนึ่งในงานซึ่งในปัจจุบันเราสามารถเห็นบทบาทการเข้ามาแทนที่มนุษย์ของ AI ได้อย่างชัดเจน
งานบริการทั่วไปเป็นตำแหน่งงานที่ไม่ค่อยซับซ้อน มีขั้นตอนที่ชัดเจนและได้รับการยอมรับจากมนุษย์ได้ง่าย ผู้พัฒนาโปรแกรมจึงสามารถพัฒนาความสามารถของ AI ให้ทัดเทียมการทำงานบริการของมนุษย์ได้เร็วกว่างานประเภทอื่นๆ
ยกตัวอย่างงานสายบริการลูกค้าที่อาจถูก AI แย่งงาน เช่น
- พนักงานคิดเงิน - มีจุดคิดเงินด้วยตัวเอง (Self service) ในประเทศไทย ส่วนในต่างประเทศ เช่น ประเทศจีนก็เริ่มมีร้านค้าที่มีระบบสแกนสินค้าและตัดเงินได้อัตโนมัติเมื่อลูกค้าเดินออกจากร้านค้า
- พนักงานเสิร์ฟอาหาร - ใช้หุ่นยนต์ช่วยเสิร์ฟอาหารเพื่อทุ่นแรงและลดจำนวนพนักงานเสิร์ฟ หรือมีการนำระบบออเดอร์และส่งอาหารตามสายพานมาใช้ในการเสิร์ฟอาหาร
- พนักงานขับรถ - ระบบ Auto pilot ที่ช่วยเหลือการขับขี่ให้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
- บรรณารักษ์ - AI สามารถจดจำรายละเอียดของหนังสือปริมาณมากได้แม่นยำกว่ามนุษย์ บริการผู้คนได้มากขึ้นในเวลาเดียว รวมไปถึงสามารถวิเคราะห์และแนะนำหนังสือเพื่อแต่ละบุคคลคนได้เหมือนบรรณารักษ์
อย่างไรก็ตาม การสร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่นในงานบริการก็ยังเป็นสเน่ห์ที่ AI สามารถเลียนแบบมนุษย์ได้ยาก การพัฒนาตัวเองให้แตกต่างจึงเป็นจุดเด่นในศักยภาพที่มนุษย์สร้างได้ และในปัจจุบันพัฒนาการของ AI รวมถึงความคุ้มค่าอาจยังไม่มากพอ แต่โดยรวมยังคงเป็นตำแหน่งงานที่ต้องเฝ้าระวังต่อไป
สายการตลาด
อาชีพสายการตลาดเป็นสายงานที่ต้องทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการนั้นให้ตรงจุดมากที่สุด จึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้สึกและความเข้าใจอันละเอียดอ่อนของมนุษย์เพื่อทำตามเป้าหมาย
AI จะช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลมีความแม่นยำและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทำให้นักการตลาดเห็น insight ที่แท้จริงซึ่งกำลังเกิดขึ้นในตลาด แล้วจึงมุ่งหาวิธีการแก้ไขปัญหาหรือกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน Marketing AI ที่แพร่หลายของบริษัทใหญ่ในปัจจุบันได้แก
- ทำ SEO เพื่อให้ผู้คนค้นหาแบรนด์เจอเป็นอันดับแรกๆ
- ตอบคำถามที่พบได้บ่อยให้กับลูกค้าด้วย Chatbot
- แนะนำสินค้าและบริการที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะใช้บริการ
- พยากรณ์ยอดขายเพื่อกำหนดกลยุทธทางการตลาด
แม้การใช้งาน AI จะเต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย แต่ตำแหน่งอย่างเจ้าหน้าที่ตอบแชทลูกค้า กลับกลายเป็นอาชีพที่อาจถูก AI แย่งงานได้ง่าย เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยี Chat bot เพื่อการส่งข้อมูลถึงลูกค้าและตอบกลับอัตโนมัติ ซึ่งทั้งสะดวก เป็นธรรมชาติและรวดเร็วมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสอีกมากมายที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในสายงานการตลาด ซึ่งมนุษย์ยังคงเป็นตัวแปรที่สำคัญมากกว่า AI ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
สายการผลิตทั่วไป
เช่นเดียวกับสายงานด้านการบริการ ที่ AI กำลังเข้ามาทดแทนตำแหน่งงานในสายการผลิตมากยิ่งขึ้นเนื่องจากเป็นงานที่ไม่ซับซ้อน แต่จุดที่สายงานนี้น่าเป็นห่วงมากกว่างานบริการ คือ ปัจจุบันงานการผลิตในระดับอุตสาหกรรมแทบไม่จำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนด้านอารมณ์ของมนุษย์ ทำให้สายงานผลิตมีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูก AI แย่งงาน
นอกจากการใช้ AI ควบคุมหุ่นยนต์และเครื่องจักรในระบบการผลิตแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ AI สามารถเข้ามามีส่วนช่วยในการผลิตได้ ไม่ว่าจะเป็น
- วางแผนคลังสินค้าให้มีความเป็นระเบียบ คัดแยกและเรียงสินค้าตามหมวดหมู่
- ใช้ AI และกล้องเพื่อตรวจจับข้อบกพร่องของสินค้า
- คาดการณ์การซ่อมบำรุงเครื่องจักร
- ตรวจเช็คมาตราฐานความปลอดภัยภายในโรงงาน
การใช้งาน AI ในการควบคุมการผลิตอย่างเต็มรูปแบบอาจยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เนื่องจากต้นทุนในการติดตั้งเทคโนโลยียังค่อนข้างสูง ทำให้ส่วนใหญ่แล้วมีแค่ผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ที่สามารถนำระบบต่างๆ เข้ามาใช้ได้ แต่หากเทคโนโลยีเหล่านี้มีราคาต่ำลง การใช้งาน AI ควบคุมการผลิตแทนมนุษย์ในอนาคตย่อมกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
- https://www.optimistichr.com/blog-post/อาชีพที่จะถูก-ai-และ-robot-แทนที/
- https://www.zippia.com/advice/ai-job-loss-statistics/
- https://www.theeleader.com/ai/ai-technology-for-future-job/
- https://www.spu.ac.th/fac/account/th/content.php?cid=19556
- https://snapengage.com/will-chatbot-automation-take-my-job/
- https://nipa.co.th/th/solution/ai-marketing#:~:text=ความสำคัญของ%20Artificial%20Intelligence,ทางการตลาดที่นำ%20AI